วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Giant's Causeway ที่ไอร์แลนด์เหนือ

Giant's Causeway เป็นชายฝั่งที่เกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟเมื่อประมาณ 50,000 ถึง 60,000 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดหินรูปหกเหลี่ยมและหินแท่งสี่เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่ง องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน Giantยดs Causeway เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529)

เดอะเวฟ (The Wave) ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

"เดอะเวฟ" คือ ภูเขาหินทรายที่ฟอร์มตัวในลักษณะคล้ายคลื่นลาดชัน เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 190 ล้านปีก่อนหรือในยุคจูราสสิก เนื่องจากพื้นที่แถบนี้มีความเปราะบางมาก ทางการจึงจำกัดให้เข้าชมได้เพียงวันละไม่เกิน 20 คน และต้องเดินเท้าเข้าไปเกือบ 5 ก.ม. จึงจะถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้

หุบเขาโลกพระจันทร์ (Vale de Lua)


หุบเขาโลกพระจันทร์ (Vale de Lua) ที่ประเทศบราซิลหุบเขาโลกพระจันทร์ หรือ "the valley of the moon" เป็นที่ราบสูงโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1.8 พันล้านปี โดยพื้นที่ว่างระหว่างก้อนหินจะมีน้ำจากแม่น้ำ San Miguel แทรกอยู่ภายใน ดินแดนประหลาดแถบนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Chapada dos Veadeiros ซึ่งองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ที่ผ่านมา

ที่มา http://www.abroad-tour.com/brazil/vale_de_lua/

ปามุคคาเล ตุรกี

ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=NrpdsrvxQ5g

ถอดรหัส สโตนเฮนจ์









กำแพงเมืองจีน




น้ำตกคอนพะเพ็ง ลาวใต้จำปาสัก

ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=UOhl2brsVYk

A TIME 4 U - เที่ยวเมืองดอกบัว






ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=BAHt0DbDz20

AUSTRIA-Hallstatt...เมืองริมทะเลสาบ ที่สวยที่สุดในโลก

AUSTRIA-Hallstatt...เมืองริมทะเลสาบ ที่สวยที่สุดในโลก

ที่มาhttp://www.holidaythai.com/9kimjor/photo-10977.htm

10อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก

1.น้ำตกอีกัวซู (Iguazu) เป็นน้ำตกที่เกิดจากแม่น้ำอีกัวซู (Iguazu) ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนประเทศบราซิล รัฐ Parana และประเทศอาร์เจนติน่า จังหวัด Misionesชื่ออีกัวซู มาจากคำว่า Guarani แปลว่า water และคำว่า uasu แปลว่า bigมีตำนานเล่าขานกันมาว่า สมัยนนั้นพระเจ้าทรงวางแผนจะแต่งงานกับ Naipi สาวพื้นเมืองแสนสวย แต่สาวเจ้าหนีไปด้วยเรือ canoe กับชายคนรักชื่อ Taroba ทำให้พระเจ้าทรงพิโรธ พระองค์จึงตัดแม่น้ำออก ทำให้เกิดเป็นน้ำตกใหญ่มหึมา และสาบแช่งคู่รักสองคนนั้นให้ตกลงไป ในน้ำตกนั้นชั่วกัลปาวสานน้ำตกอีกัวซู เป็นหนึ่งใน the New7Wonders of Nature ของโลกน้ำตกนี้มีความสูง 62 - 82 เมตรมีทั้งหมด 275 น้ำตก เรียงราย อยู่ในอาณาบริเวณใกล้เคียงกัน
มีความยาวทั้งสิ้น 2.7 กิโลเมตร

2.น้ำตกไนแอการามีอาณาเขตติดต่อเชื่อมมลรัฐนิวยอร์ก ในประเทศสหรัฐอเมริกา กับมณฑลออนทาริโอ ประเทศแคนาดา  แถวนั้นเป็นถิ่นที่มีทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่รวมกัน 5 แห่งที่มีชื่อเรียกรวมกันว่า Great Lakes คือทะเลสาบฮิวรอน (Huron)  ออนทาริโอ (Ontario)  มิชิแกน (Michigan)  อีรี (Erie) และ ซุพีเรียร์ (Superior)  (สมัยเด็ก ๆ อาจารย์ที่สอนสังคมศึกษาจะให้ท่องว่า HOMES ซึ่งเป็นอักษรนำของชื่อทะเลสาบทั้งห้า)  น้ำตกไนแอการาคือรอยต่อระหว่างทะเลสาบอีรีกับทะเลสาบออนทาริโอ  เนื่องจากระดับน้ำในทะเลสาบทั้งสองมีความแตกต่างกัน ตรงช่วงรอยต่อจึงเกิดเป็นน้ำตกที่มีปริมาณน้ำมากมายจนเกิดเป็นน้ำตกไนแอการา

3.น้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls) น้ำตกที่ใหญ่และสวยงามติดอันดับโลก
ผู้ค้นพบและนำมาเผยแพร่ให้ชาวโลกได้รับรู้ ก็คือ เดวิด ลิฟวิ่งสโตน ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1855จุดประสงค์ในการสำรวจนั้นเพื่อต้องการที่จะทราบว่าลำน้ำสายหนึ่งซึ่ง เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เหตุใดจีงหายเข้าไปในซอกรอยแยกของแผ่นดิน ลิฟวิ่งสโตนเริ่มเดินทางไปตามเส้นทางของแม่น้ำแซมเบซีเพื่อหาต้นกำเนิดของ แม่น้ำสายนี้ หลังจากผ่านความยากลำบากมามากมาย ลิฟวิ่งสโตนก็เดินทางมาถึงเขตแองโกลา ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลด้านแอตแลนติก ในช่วงเดินทางกลับนั้น ลิฟวิ่งสโตนเดินทางลงมาตามลำน้ำเพื่อไปยังบริเวณชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก เขาก็ได้พบกับน้ำตกวิคตอเรีย ภายหลังอยู่ในแอฟริกาได้ 16 ปี หลังจากนั้นลิฟวิ่งสโตนจึงเดินทางกลับอังกฤษ แล้วเขาก็ได้แถลงความจริงออกมาว่า บริเวณภายในส่วนใหญ่ของทวีปแอฟริกานี้มิได้เป็นเพียงทะเลทรายเท่านั้น แต่ยังมีดินแดนที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่เป็นป่าและน้ำมากพอสมควร หลังจากที่ได้ค้นพบแล้ว เดวิด ลิฟวิ่งสโตน จึงได้ทราบว่า น้ำตกแห่งนี้เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อ 150 ล้านปีที่ผ่านมา จนทำให้แผ่นดินบริเวณนี้แยกออกเป็นสองส่วน กลายเป็นน้ำตกอันยิ่งใหญ่ และเขาก็ได้ตั้งชื่อน้ำตกแห่งนี้ว่า "น้ำตกวิคตอเรีย"
น้ำตกวิคตอเรียมีความยาวถึงเกือบ 2 กิโลเมตร และมีเนื้อที่ครอบคลุมถึงสองประเทศ คือ ซิมบับเว และแซมเบีย น้ำตกแห่งนี้ไหลลงสู่แม่น้ำแซมเบซีที่วกราก ในช่วงที่มีปริมาณน้ำมาก น้ำตกนี้จะแย่งกันทะลักพวยพุ่งลงไปยังเบื้องล่างกระทบกับหินทำให้เกิดเสียง ดังและมีฟองฝอยฟุ้งเป็นละอองน้ำ ดุจมีหมอกครื้มครอบคลุมไปทั่วบริเวณ และขณะเดียวกันจำนวนน้ำที่มาก ก็ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องสะท้านดุจเสียงคำรามของสัตว์ป่า ในบางจุดเกิดละอองน้ำที่พวยพุ่งขี้นสู่ท้องฟ้าได้ถึง 500 เมตร สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ๆ ละอองน้ำแห่งนี้จึงได้รับสมญานามว่า "ควันซึ่งส่งเสียงร้องคำราม" ความลึกของน้ำตกแห่งนี้เริ่มตั้งแต่ 90-108 เมตร โดยเริ่มจากจุดแรก ที่เรียกว่า เดวิด คาทาแรคท์ (Devil's Cataract) ซึ่งบริเวณนี้จะมีแก่งในแม่น้ำหรือคาทาแรคท์อยู่ถัดออกไป และช่วงนี้จะเป็นช่วงสำคัญของน้ำตก
ถ้ามองไปทางด้านตะวันออกเมื่อยามพระอาทิตย์ปรากฏจะสามารถเห็นรุ้งกินน้ำได้ อย่างชัดเจน และนับเป็นจุดที่สวยที่สุด โดยเรียกจุดนี้ว่า คาทาแรคท์ตะวันออก ใกล้ ๆ บริเวณนี้มีรูปปั้นของลิฟวิ่งสโตนตั้งอยู่ สายน้ำเหล่านี้จะไหลเรื่อยกลายเป็นแม่น้ำแซมเบซีซึ่งจะขยายใหญ่ขึ้นทุกที ๆ ผ่านช่องเขาบาโตกัวในลักษณะวกรากและรุนแรงจนมีผู้ตั้งชื่อเขตนี้ว่า "หม้อน้ำเดือด" (Bolling Pot) จากนั้นก็จะไหลผ่านที่ราบ ผ่านทางรถไฟ เชื่อมต่อระหว่างซิมบับเวกับแซมเบีย และบริเวณสะพานแห่งนี้เองก็จะเป็นที่ที่ใช้สำหรับโดดบันจี้จัมพ์ของผู้ที่ รักความสะใจ เพราะที่นี่นับเป็นจุดโดดที่สูงที่สุดในโลก น้ำตกวิคตอเรียแห่งนี้ไม่เคยเหือดแห้ง สามารถผลิตน้ำได้ถึงห้าล้านคิวบิคเมตรต่อนาที ในช่วงหน้าฝน ช่วงที่คนมาเที่ยวมากที่สุดก็คือระหว่างเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายนเพราะ ทิวทัศน์จะสวยงาม มีละอองน้ำไม่มาก

     4.น้ำตก Angel Falls มีชื่อเรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า Kerepakupai meru ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวเวนซูเอลาที่ชื่อว่า Ernesto Sanchez La Cruz ตั้งแต่ปี 1912 แต่เจ้าตัวไม่ได้ตีพิมพ์ผลงานการค้นพบเอาไว้
จน กระทั่งในปี ค.ศ. 1933 James Crawford Angel นักบินชาวอเมริกัน ได้ขับเครื่องบินเล็กเพื่อสำรวจหาแหล่งแร่ บริเวณเทือกเขาในประเทศเวเนซูเอลา และได้พบกับน้ำตกที่มีความสูงมากนี้เข้า อีก 4 ปีให้หลัง James Crawford Angel พร้อมทั้งภรรยาและผู้ร่วมทีมอีก 2 คน ขับเครื่องบิน ชื่อ "El Rio Caroni" (ตามภาพ) เพื่อจะลงจอดที่ Auyan-tepu ใกล้ๆ กับน้ำตกแห่งนี้ แต่ปรากฎว่า เครื่องได้รับความเสียหายและตกลงในโคลน ตัวเขาและภรรยากับผู้ร่วมทีมใช้เวลา 11 วันเดินเท้ากว่าจะกลับสู่เมืองได้สำเร็จ
ข่าวการผจญภัยของ James Crawford Angel กับคณะแพร่สะพัดไปทั่ว และต่อมาน้ำตกที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ก็ถูกเรียกว่า Angel Falls เพื่อเป็นเกียรติแก่ James Crawford Angel ส่วนเครื่องบินของ James Crawford Angel ก็ถูกทิ้งอยู่ที่เกิดเหตุเป็นเวลา 33 ปี ถึงได้มีการนำเฮลิคอปเตอร์ไปขนออกมา ขณะนี้ถูกโชว์ไว้ที่หน้าสนามบินในเมืองหลวงของเวเนซูเอลา และมีการสร้างเครื่องบินจำลองไว้ที่ Auyan-tepu อีกด้วย
น้ำตก Angel Falls มีความสูงถึง 979 เมตร (3,212 ฟุต) ตั้งอยู่ที่ Canaima National Park ประเทศเวเนซูเอลา ความสูงของน้ำตกแห่งนี้สูงกว่าน้ำตก Niagara ถึง 19 เท่า น้ำตกแห่งนี้ไหลลงสู่แม่น้ำ Kerep
ด้วยระดับความสูง เกือบ 1 กิโลเมตร ทำให้น้ำซึ่งตกลงมาถูกลมแรงพัดให้เป็นละอองน้ำก่อนจะถึงพื้นดิน ทำให้น้ำตกแห่งนี้ ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีความสวยงามมากที่สุดในโลก

  5. Kaieteur Falls
น้ำตกบนแม่น้ำโปตาโร อยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางตะวันตกของประเทศกายอานา
น้ำตกลงมาด้วยความเร็วประมาณ 663 คิวบิคเมตรต่อวินาที (23,400 คิวบิคฟุตต่อวินาที)
ด้วยความสูง 226 เมตร (741 ฟุต) สูงกว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 5 เท่า และสูงกว่าน้ำตกวิคทอเรียประมาณ 2 เท่า


6. Blue Nile Falls
น้ำตกสูงและใหญ่มากชื่อ Blue Nile waterfall เป็นน้ำตกที่มาจากแม่น้ำไนล์
อยู่ในประเทศเอธิโอเปีย รู้จักในชืิ่อ Tis Issat (Smoking Water)

7.Detian Falls
น้ำตกเต๋อเทียน (De Tian) ตั้งอยู่กลางพรมแดนระหว่างจีนกับเวียดนามในเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสี กว้างกว่า 100 เมตร ลึกกว่า 60 เมตร ความสูงลดหลั่นกันประมาณ 50 เมตร เป็นน้ำตกธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจัดว่าเป็นน้ำตกระหว่างประเทศใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
สำนักข่าวซินหวารายงานว่า วันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นเทศกาลตรุษจีน มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวน้ำตกเต๋อเทียนกว่า 40000 คน


8.Gullfoss
น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ถือว่าเป็นน้ำตกมีชื่อแห่งหนึ่งในจำนวนสถานที่ท่องเที่ยว ๆ หลายแห่งของประเทศนี้ และยังจัดว่าเป็นหนึ่งใน 3 ที่ไอซ์แลนด์จัดให้อยู่ใน "วงกลมทองคำ" ที่เมื่อผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ต้องมาท่องเที่ยว ชื่อน้ำตกแห่ง Gullfoss มาจากคำว่า Gull ในภาษาไอซ์แลนด์ที่แปลว่าทอง และ Foss ที่แปลว่า น้ำตก เมื่อรวมกันก็คงเป็นน้ำตกทองคำ ส่วนจะหมายถึงว่ามีทองคำ ที่น้ำตก หรือว่าน้ำตกมาเป็นทองคำ หรือว่าความงามลองละอองน้ำเมื่อปะทะกับแสงแดดแล้วสะท้อนแวววาว ปรากฏเป็นรุ้งกินน้ำให้พบเห็นแก่ผู้มาท่องเที่ยวแล้วจะเรียกว่าเป็นทองก็จนด้วยเกล้าเหมือนกัน ฝากไปหาข้อมูลต่อด้วยแล้วกัน แต่ถ้าพูดถึงความงามก็ต้องบอกว่าอลังการสวยงามสมคำเล่าลือ
เมื่อท่านเดินมาถึงมาถึงท่านจะพบว่าด้านบนของน้ำตกจะมีพื้นที่ประมาณ 1 กิโลเมตร และค่อย ๆ หักเป็นมุมโค้ง คล้าย ๆ บรรไดวน 3 ขั้น เอียงลาดลดระดับลงไปเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก 11 เมตร และช่วงที่ 2 สูง 21 เมตร พร้อมมีรอยแยกอันเป็นทางเดินของน้ำกว้างประมาณ 20 เมตร ลึก 32 เมตร ยาวโดยรวมประมาณ 2.5 กิโลเมตร ในช่วงหน้าร้อนน้ำเยอะหน่อย ความแรงของน้ำอยู่ที่ 140 ลูกบาศก์เมตรต่อ/ต่อวินาที แต่ในช่วงหน้าหนาวความแรงของน้ำจะลดลง เพราะว่าน้ำน้อยลง จะเหลืออยูที่ 80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เคยมีช่วงที่น้ำเยอะ ๆ เคยวัดได้ถึง 2000 ลูกบาศก์ต่อวินาที จินตนาการไม่ออกว่าแรงขนาดไหน เพราะคงไม่คิดไปลงเล่นน้ำตกที่ไหลแรง ๆ และอากาศหนาว ๆ หรอกก็จินตนาการเอาเองแล้วกัน
ในช่วงทศวรรษ 1920 เรื่อง เล่าว่าครั้งหนึ่งมีฝรั่งหัวดีชาติอื่น (ไม่ใช่ไอซ์แลนด์) คิดที่จะเอาเจ้าน้ำตกนี่ไปเป็นเขื่อน ผลิตกระแสไฟฟ้า ก็ขอเช่าจากเจ้าของชาวไอซ์แลนด์ ที่ชื่อ นายโธมัส โธมัสสัน และนายฮัลโดร์ ฮันโดร์สัน เพื่อผลิตฟ้า แต่โครงการดังกล่าวต้องพับไปด้วยดำเนินการไม่ประสบผลสำเร็จ รวมทั้งการขาดเงินทุนเอามาหมุนว่างั้นเถอะ จน ไม่ช้านานเจ้าน้ำตกทองคำแห่งนี้จึงได้ตกเป็นของแผ่นดินโดยเจ้าของได้ขายให้ รัฐ ประมาณว่าหาประโยชน์อะไรไม่ได้ก็ขายทิ้งเอาเงินมาหมุนเสียว่างั้น จากเจ้าน้ำตกธรรมชาติที่จะต้องถูกแปลงไปเขื่อน จึงได้กลายเป็นน้ำตกให้มาพี่น้องหมู่เฮาได้มายลโฉมกันอยู่ตรงหน้านี่แหละ ส่วนราคาซิ้อไม่ทราบ และก็ยังสงสัยน่าประเทศไอซ์แลนด์กฏหมายว่าด้วย "ที่สาธารณะ" ยังมาไม่ถึง จึงได้มีการไปจับจองเป็นเจ้าของน้ำตก "ทองคำ"อันใหญ่แห่งนี้ ไว้เป็นของส่วนตัวได้ จนในที่สุดก็ถูกขายแนะ ไม่ได้ยกให้หรือออกกฏหมายยึดนะ ใครเอาของแผ่นแด่นไปขายให้พี่น้อง ระวังเจอคดีเหมือนรัชดานะครับ
อีกเรื่องเป็นเรื่องเล่าเหมือนเคย คือ น้องสาวของอีตาโธมัส ที่ชื่อซิกกริดุร คุณเธอเป็นนักอนุรักษ์ว่างั้นเถอะเห็นพี่ชายให้ฝรั่งต่างชาติเช่าจะ ผลิตกระแสไฟฟ้า คุณเธอก็หัวอนุรักษ์ขึ้นสมองปรี๊ด เลยขู่พี่ชายหรือเปล่าไม่แน่ใจ ด้วยการขู่จะโดดลงไปในน้ำตกทำนองฆ่าตัวตายอนุรักษ์ แต่ไม่รู้จะมีต้องมีอนุสาวรีย์แบบสืบ นาคะเสถียร ที่ห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานีหรือเปล่า ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่โจทก์กันไปทั่วถึงวีรกรรมของเธอ แต่ก็สรุปจบของเรื่องคือไม่ใช่เรื่องจริง "เขาเล่าว่า" ฝรั่งก็มีเรื่อง "เขาเล่าว่า" เหมือนกัน แถมยังลือไม่แพ้พี่ไทยเหมือนกันนะ เพราะกว่าจะลือไปถึงกันได้คงใช้เวลานานเพราะอากาศหนาวกว่าจะเดินถึงกันสมัย ก่อนคงใช้เวลานานโขแน่ ๆ

9.Huangguoshu
น้ำตกหวางกว่อฉู้ (Huangguoshu Falls) อยู่ในมณฑลกุ้ยโจว เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน น้ำตกกว้าง 50 เมตร สูงถึง 75 เมตร เคยใช้เป็นที่ถ่ายทำถ้ำของพวกซุนหงอคง ชุดไซอิ๋วในทีวี นักท่องเที่ยวสามารถเดินลอดม่านน้ำตกได้ตลอดโดยไม่เปียก

10.Jog Falls
น้ำตก JOG ซึ่งมีความสูงถึง 253 เมตร น้ำตกนี้เกิดจากแม่น้ำ Sharavathiเปลี่ยนระดับจากที่สูงถึง 253 เมตร เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในอินเดีย ตั้ง อยู่ที่เมือง Shimoga รัฐ Karnataka ในอินเดีย อีกหลายๆชื่อที่เรียกกันคือ Gerusoppe falls หรือ Gersoppa Falls และ Jogada Gund
ที่มา http://webboard.sanook.com/forum/?topic=3429818

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ทะเลหมอก

"ม่อนกิ่วลม" หากคุณ กำลังมองหาสถานที่ชมทะเลหมอกสวยๆ แน่นอนว่า "ม่อนกิ่วลม" ของอุทยานแห่งชาติแม่เมย จังหวัดตาก เป็นจุดชมทิวทัศน์ของขุนเขาและทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีใน หมู่นักท่องเที่ยวและนักถ่ายภาพธรรมชาติมานานหลายสิบปี "ม่อนกิ่วลม" มีชื่อมาจาก ช่อง หรือ กิ่ว ที่มีลมพัดผ่านอยู่เสมอ เป็นจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่สวยที่สุดบนเส้นทางสายสายแม่สลิดน้อย-แม่ ระเมิง โดยม่อนกิ่วลมตั้งอยู่บนความสูง 940 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถมองเห็นทะเลหมอกม่อนกิ่วลมปกคลุมหุบเขาเบื้องล่าง โดยมียอดเขาสูงต่างๆ โผล่พันสายหมอกแลดูราวกับเกาะใหญ่น้อยกลางทะเลสีขาว อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี สภาพป่าโดยรอบเป็นป่าดิบเขา จุดชมทิวทัศน์ม่อนกิ่วลม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย ประมาณ 12 กิโลเมตร ที่มาhttp://www.bloggang.com/mainblog.php?id=newcar&month=17-12-2011&group=3&gblog=173

วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

ถนน ถนน ที่ผ่านจะไปบ้านของใคร

ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=hWK-qRaGnaI&feature=related

รอบๆโลก

ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=RmkzbKaze7c&feature=related

เมืองผู้ดี 1

ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=bmXmvKm4SYs&feature=relmfu

เมืองผู้ดี 2

ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=1WPqYVxbkRc&feature=relmfu

เมืองผู้ดี 3

ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=7Ewjn0oT0zE&feature=relmfu

เมืองผู้ดี 4

ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=oboLguFbemM&feature=relmfu

เมืองผู้ดี 5

ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=KcMkxWjOIfI&feature=relmfu

เการัก เกาหลี

ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=d7j1FKzJ6tc

ประเทศเพื่อนบ้าน

ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=MCciiHpZfSw&feature=related

Great Barrier Reef

  เกรท แบริเออร์ รีฟ (แนวปะการังใหญ่) Great Barrier Reef 


   แหลมเคปยอร์ค รัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลีย     
        เป็น "สิ่งก่อสร้างที่มีชีวิต" ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเลที่สดใส รวมทั้งปะการังชนิดอ่อน และชนิดแข็ง สีสวยกว่า 350 ชนิด ตลอดจนปลา และสิ่งมีชีวิตในทะเลที่น่าพิศวงต่าง ๆ อีก 1500 ชนิด
        แนวปะการังนี้เริ่มตั้งแต่แหลมเคปยอร์ค (Cape York) ซึ่งอยู่ไกลขึ้นไปทางเหนือของรัฐควีนแลนด์ ลงมาถึงบันดะเบอร์ก (Bundaberk) ทางตอนใต้ แนวปะการังอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ อยู่ในความดูแลขององค์การสวนทางทะเล เกรท แบริเออร์ รีฟ (The Great Barrier Reef Marine Park Authority) และครอบคลุมดูแลพื้นที่ 215,000 ตารางไมล์ หรือ 345,000 ตารางกิโลเมตร ของน่านน้ำรอบ ๆ แนวปะการัง เป็นสวนทางทะเลที่ใหญ่ทีสุดในโลกสิที่ได้รับการดูแลและปกป้องอย่างดี
        แนวปะการังซึ่งดูเหมือนกับป่าใต้น้ำนี้ เจริญเติบโตในเขตทะเลร้อน กระแสน้ำอุ่น และเป็นที่อยู่อาศัยอย่างหนาแน่นของชีวิตสัตว์ทะเลที่ต่าง ๆ กันได้แก่ ฟองน้ำ 10,000 ชนิด ปะการัง 350 ชนิด หอย 4,000 ชนิด ปลาดาวและซี เออร์ชิน (Sea Urchin)ซึ่งเป็นสัตว์ประเภทคล้ายหอย 350 ชนิด และปลามากกว่า 1,500 ชนิด นักดำน้ำประมาณว่าจะต้องดำน้ำถึงพันครั้งทจึงจะได้เห็นจุดเด่นของปะการังแห่งนี้ทั้งหมด

        สำหรับนักเดินทางที่ไม่ถนัดเรื่องกีฬาดำน้ำ ก็ไม่ต้องตระหนกตกใจจนไม่กล้าไปเยือน เพราะเขามีวิถีทางชื่นชมความงามของสวนใต้น้ำต่าง ๆ กันไป เช่น มีเรือท้องกระจก หรือเรือกึ่งเรือดำน้ำ โดยไม่ต้องกระโดดลงไปในทะเลตัวเปียกปอนเปล่า ๆ หรือถ้าไม่เชี่ยวชาญการดำน้ำแบบใช้ท่อออกซิเจน แค่ดำน้ำใช้ท่อหายใจทางปากอย่างที่หลายคน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ใช้กันธิคุณก็จะมีโอกาสได้เพลิดเพลินกับความประหลาดมหัศจรรย์ของแนวปะการัง
       บริเวณพื้นที่แนวปะการังและเกาะควีนแลนด์ ซึ่งมีพื้นที่กว้างไกลกว่า 1,562 ไมล์ หรือ 2,500 ก.ม. มีแนวปะการังมากกว่า 2,900 แนว รวมทั้งมีเกาะขนาดต่าง ๆ กันและเกาะที่เกิดจากการรวมตัวของแนวปะการังอีกหลายร้อยเกาะ แนวปะการังใหญ่นี้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนชัดังนี้
       แนวปะการังเหนือ (Northern Reef)
       หมู่เกาะวิทซันเดย์ (Whitsunday Island)
       แนวปะการังใต้ (Southern Reef)
        ด้วยความเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติขนาดมหึมา จึงได้รับการพิจารณาจากองค์การ UNESCO ให้อนุรักษ์เป็นมรดกโลก (World Heritage List) และอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางระบบนิเวศซึ่งมรดกโลกมหึมานี้ยังเป็นที่อยู่ให้กับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ อีกทั้งปลา หอย งู ปลาวาฬ เต่า รวมแล้วมากกว่า 6,000ยชนิดนอกจากนี้ยังพบว่าเป็นบริเวณที่มีพยูนอาศัยมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย


 

ที่มา http://www.thaigoodview.com/node/14415 และ http://www.youtube.com/watch?v=W20oCbnJ2LI
 ปอมเปอี   Pompeii 

   ประเทศอิตาลี        

        ปอมเปอี เป็นเมืองโบราณสมัย 2,000 ปีมาแล้ว อยู่ที่เชิงภูเขาไฟวิสุเวียส ประเทศอิตาลี ซึ่งถูกภูเขาไฟลูกนี้ระเบิดเอาดินโคลน เถ้าถ่าน และหินละลายทับถมจมลงไปในดินในชั่วเวลาไม่กี่นาทีเมื่อ พ.ศ.662 ประชาชนนับหมื่นต้องถูกฝังทั้งเป็นตายด้วยความทุกข์ทรมานโดยที่ไม่มีใครมีโอกาสหนีรอดออกมาได้เลย และหลังจากนั้นปอมเปอีก็ถูกลืมไปจากความทรงจำของชาวโลก

        ต่อเมื่อได้มีการฟื้นฟูศึกษาประวัติศาสตร์โบราณขึ้นชื่อปอมเปอีจึงถูกค้นพบ แต่ก็ไม่มีใครทราบได้ว่าเมืองนี้อยู่ที่ไหน จนกระทั่ง พ.ศ. 2291 จึงได้พบร่องรอยของซากเมือง และมีการขุดค้นกันเมื่อก่อนหน้ามหายุทธสงครามโลกครั้งที่ 2 เล็กน้อย เมื่อรื้อดินที่ทับถมออกมาหมดแล้ว ก็พบซากเมืองที่ใหญ่โต และสร้างด้วยหินอย่างแข็งแรง บางแห่งพบซากชาวปอมเปเอียนและสัตว์เลี้ยงของเขาที่ตายและกลายเป็นหิน ซึ่งคงอยู่ในสภาพเกือบเหมือนเดิมทุกประการ แต่ทว่าจากภาพนั้น จะเห็นลักษณะของความหวาดกลัวต่อความตายได้เป็นอย่างดี บางคนนั่งเอามือปิดหน้าตาย และบางคนซบหน้ากับกำแพงบ้านตายก็มี ปอมเปอีจึงได้ชื่อว่า ซากเมืองแห่งความตาย


วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

ท่องยุโรป

                            พระราชวังแวร์ซายส์   Palace of Versailles  


   กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
    
          เป็นพระราชวังที่สวยงามมากสร้างขึ้นโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส มีนายช่างสถาปนิก อัลเดรด เลอ นอสเตอร์ เป็นผู้ออกแบบ ลงมือสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2204 (ค.ศ. 1661) สร้างอยู่นาน เวลา 30 ปี สิ้นเงินค่าสร้าง 500,000,000 ฟรังก์ ใช้คนงาน 30,000 คน ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างและศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามมาก

        ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ เช่น มีห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ห้องทรงพระอักษร ห้องโถง ห้องออกว่าราชการ ฯลฯ แต่ละห้องมีเครื่องประดับมีค่ามากมาย ทั้งวัตถุ และ ภาพเขียนศิลปะที่มีชื่อเสียง ห้องที่มีชื่อที่สุด คือ ห้องกระจกที่เคยใช้ลงนาม เซ็นสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตร กับเยอรมัน ในคราวมสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นที่ใช้ลงนามในเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ในการทำสงครามใหญ่ทุกครั้งฝรั่งเศส จึงต้องประกาศให้ปารีสเป็นเมืองปลอดทหารคือ ไม่มีทหารตั้งอยู่ ไม่มีการต่อสู้ใด ๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อรักษาไม่ให้พระราชวังแห่งนี้ ต้องได้รับความเสียหายจากการโจมตี ของข้าศึกไม่ว่าโดยทางใด ทุก ๆ ปีจะมีนัก ปจจุบันเป็นสถาปัตยกรรมมีค่าที่สุดของฝรั่งเศส และโลก ที่มีนักท่องเที่ยวไปชมความงามไม่น้อยกว่า 1,000,000 คน ต่อปี
ที่มา http://www.thaigoodview.com/node/10157

Amazing Land แดนมหัจรรย์




















ที่มาhttp://play.kapook.com/photo/show-123768

ชาวไต้หวันแต่งงานหมู่บนเกาะสมุย รักครั้งนี้มีความทรงจำกับ “มะพร้าว”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานไทเป (ททท.ไทเป) ได้จัดงานแต่งงานริมชายหาด ณ เกาะสมุยขึ้น ภายใต้โครงการ “ไป่เหนียนห่าวเหอ” หมายถึงการครองรักยาวนานนับ 100 ปี โดยครั้งนี้มีคู่แต่งงานมาร่วมพิธี 15 คู่ โดยมีคู่ดารายอดนิยมจากไต้หวัน “วินนี่ เหอ” (เหอ หยี เหวิน) ในวัย 35 ปี ครูสอนโยคะกับแฟนหนุ่ม บินมาร่วมด้วย ซึ่งทั้งคู่มีกำหนดการแต่งงานจริงในเดือนมิถุนายนนี้ที่ประเทศบ้านเกิด

งานสมรสหมู่คู่บ่าวสาวชาวไต้หวันในครั้งนี้ ใช้สถานที่ของศูนย์วัฒนธรรมดุสิตเทวาจัดทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มต้นด้วยขบวนขันหมากแบบไทยๆ และเพื่อให้คงกลิ่นอายของความเป็นสมุย ขบวนขันหมากเลือกใช้บ้านไม้โบราณอายุกว่า 100 ปี ซึ่งถือเป็นที่พักอาศัยที่เก่าแก่ที่สุดของเกาะสมุย เป็นจุดเริ่มต้นให้เจ้าบ่าวชาวไต้หวันแห่ขบวนขันหมาก พร้อมเหล่าชาวบ้านบนเกาะช่วยกันร้องรำหน้าขบวนกลองยาวผ่านสองข้างทางที่รายล้อมไปด้วยสวนมะพร้าว แต่ละคนสวมผ้าถุงปาเต๊ะผืนใหม่กับเสื้อลูกไม้สีขาวชุดพื้นถิ่นซึ่งสาวชาวเกาะนิยมใส่ในงานบุญและงานพิธีสำคัญขณะเดียวกันคู่บ่าวสาวชาวไต้หวันได้แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมไทยแบบไทยประยุกต์

พิธีที่แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้นเมื่อคู่บ่าวสาวได้ฟังพระสวดให้ศีลให้พร เสร็จแล้วจึงมารับน้ำสังข์พร้อมสวมมงคลจากผู้ใหญ่บนเกาะสมุย อาทิ จำนงค์ จุณณปิยะ ผอ.ททท.ภาคเอเชียตะวันออก, สุวรรณชัย ฤทธิรักษ์ ที่ปรึกษา 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), พสิษฐ์ตา อินทร์พันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ไทเป, ประเสริฐ จิตมุ่ง นายอำเภอเกาะสมุย และวัลวลี ตันติกาญจน์ นายกสมาคมสปาสมุย เป็นต้น พร้อมกับร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ประกอบไปด้วยเมนูพื้นบ้านที่แฝงไปด้วยความเป็นมงคล อาทิ หมี่ผัด กาละแม ขนมหวานรวมมิตร รวมทั้งมังคุดและลางสาดซึ่งเป็นผลไม้ท้องถิ่นของสมุย โดยมังคุดดูจะเป็นอาหารที่เหล่าคู่บ่าวสาวชื่นชอบและประทับใจมากที่สุด

หลังจากรับประทานอาหารอย่างอิ่มอร่อยแล้ว เหล่าคู่แต่งงานได้ร่วมปลูกต้นมะพร้าวบริเวณชายหาดในโครงการปลูกต้นมะพร้าวแถวแรก ทั้งนี้เนื่องจากต้นมะพร้าวบนเกาะสมุย ถือว่าเป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของเกาะสมุย และยังมีความหมายโดยนัยว่าเป็นต้นไม้แห่งความรักความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยจัดพิธีมงคงสมรสบนเกาะสมุย ดินแดนที่เต็มไปด้วยมะพร้าว

ทั้งนี้ วินนี่ เหอ และแฟนหนุ่ม เล่าว่า ก่อนหน้านี้ คู่ของตนได้พบรักกันที่เมืองไทย การได้มีโอกาสมาร่วมพิธีแต่งงานที่เมืองไทยถือว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง พิธีต่างๆ ในการแต่งงานของประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน ประทับใจเมืองไทยมากเพราะเป็นสถานที่ที่ได้มาพบรักและสานต่อจนมาได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน และยังประทับใจความมีน้ำใจของคนไทย ส่วนสถานที่ของเกาะสมุยที่ประทับใจเป็นพิเศษคือความสวยงามของชายหาด หลังแต่งงานแล้ววางแผนจะมาฮันนีมูนที่สมุยและกระบี่ต่อไป

ด้าน พสิษฐ์ตา อินทร์พันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ไทเป กล่าวว่า “กิจกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวแต่งงาน-ฮันนีมูน เป็นนโยบายการทำงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่ ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาชาวไต้หวันมีค่านิยมไปแต่งงานนอกสถานที่เพื่อหาประสบการณ์ และนิยมแต่งงานแบบฝรั่ง ประกอบกับปีนี้เป็นปีมังกรทอง คนเชื้อสายจีนเชื่อว่าเป็นปีที่ดี เพราะในรอบ 1,200 ปีจะเกิดขึ้นสักครั้ง ททท.ไทเปจึงเชิญชวนหันมาแต่งงานแบบไทยบ้าง โดยบอกเล่าว่าประเพณีแต่งงานละภาคของไทยมีศิลปวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่ล้วนเป็นมงคลกับชีวิตคู่ทั้งสิ้น ที่ผ่านมาได้จัดงานแต่งงานแบบบะบ๋ายะหยาที่จ.ภูเก็ต และการแต่งงานแบบล้านนาที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งคู่แต่งงานที่กลับไปต่างบอกว่าประทับใจในความมีน้ำใจของคนไทย โดยเฉพาะที่จ.เชียงใหม่หลังจากจัดงานแต่งงานไปแล้ว ยังมีคู่รักสอบถามมามากมาย

สมุยนั้นมีจุดเด่นที่มีชายหาดสวยงาม ตลอดจนการแต่งกาย การแสดงมโนราห์ ชาวไต้หวันชอบทะเล แม้ที่ไต้หวันบ้านเกิดของเขาจะมีทะเล แต่เล่นน้ำไม่ได้ ประเพณีแต่งงานครั้งนี้เป็นแบบภาคใต้กึ่งภาคกลาง และยังมีขนมมงคลคือ กาละแม อันเป็นสัญลักษณ์แทนถึงความรักที่เหนียวหนึบ ซึ่งได้จัดทำเป็นของที่ระลึกให้กับคู่บ่าวสาวด้วย”

อย่างไรก็ตาม แม้คู่แต่งงานครั้งนี้จะน้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสำนักงานททท.ไทเป ให้เหตุผลว่า ช่วงนี้ของสมุยถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่น ตั๋วเครื่องบินเต็ม รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่การที่จะเลื่อนวันแต่งงานไปในช่วงอื่นก็ไม่เหมาะสมเพราะวันเวลาดังกล่าวเป็นวันดี อีกทั้งในช่วงเดือนมีนาคมอากาศที่สมุยจะร้อนมาก อาจจะสร้างความหงุดหงิดให้กับชาวไต้หวันที่คุ้นชินกับอากาศที่หนาวเย็น จนทำให้งานแต่งงานไม่น่ารื่นรมย์ก็เป็นได้ ทั้งนี้ ททท.วางเป้าหมายส่งเสริมการท่องเที่ยวสมุยสำหรับชาวไต้หวัน โดยเน้นตลาดบนเป็นแบบมินิกรุ๊ป ระหว่าง 4 - 10 คน ขณะนี้ เกาะสมุยกำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทอล์คออฟเดอะทาวน์ในไต้หวัน เนื่องด้วยส่วนใหญ่ชาวไต้หวันจะนิยมมาเที่ยวกรุงเทพ พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น สำหรับการจัดงานแต่งงานหมู่ครั้งนี้ คาดว่ามีเงินสะพัด 1,500,000 บาท โดยการจัดงานครั้งนี้ร่วมกับบริษัททัวร์ในไต้หวันและบริษัทการบินไทย จัดทำแพคเกจทัวร์ราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และได้เชิญสื่อมวลชนจากประเทศไต้หวันมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วยในงานแต่งงานหมู่ครั้งนี้ด้วย

สุวรรณชัย ฤทธิรักษ์ ที่ปรึกษา 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่าการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวแต่งงาน-ฮันนีมูน ก่อให้เกิดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เป็นกิจกรรมที่สร้างความทรงจำด้านการท่องเที่ยวที่ดี ใครที่มาประกอบพิธีมงคลสมรสสักครั้งหนึ่ง ณ สถานที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย จะนำไปสู่การบอกเล่าสู่ลูกหลานถึงประเพณีวัฒนธรรม ในอนาคตจะก่อให้เกิดกิจกรรมการมาเยือนสถานที่แห่งความทรงจำ ตรงกับแคมเปญการท่องเที่ยวที่ว่า “เที่ยวหัวใจใหม่เมืองไทยยั่งยืน” ทำให้แหล่งท่องเที่ยวนั้นมีความยั่งยืนและถ่ายทอดไปถึงคนอื่นได้


“กิจกรรมที่เพิ่มคือการปลูกมะพร้าว อันเป็นสัญลักษณ์ของเกาะสมุย ทำให้คู่บ่าวสาวรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เป็นประสบการณ์ชีวิต สิ่งเหล่านี้กำลังเป็นกระแสด้านการท่องเที่ยว ที่แต่ละสำนักงานท่องเที่ยวแต่ละแห่งต้องศึกษาด้านมานุษยวิทยา ความเชื่อ ตลอดจนความรู้สึกของผู้คนในภูมิภาคนั้นๆ แล้วจึงจัดกิจกรรมที่เหมาะสมให้”

ในปีที่ผ่านมาชาวไต้หวันมาเยือนเมืองไทยปีละ 450,753 คน สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยปีละ 9.2 ล้านบาท โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวใช้เวลาอยู่เมืองไทยราว 1 สัปดาห์ ใช้จ่ายเงินวันละประมาณ 4,200 บาท กิจกรรมท่องเที่ยวแต่งงาน-ฮันนีมูนจะเป็นตัวช่วยอีกแรงที่จะเชิญชวนให้คนไต้หวันมาเยือนเมืองไทยมากขึ้นและเป็นโอกาสสำคัญที่จะเผยแพร่ประเพณีไทยไปสู่ชาวต่างชาติอีกด้วย

ที่มา http://www.newswit.com/life/2012-03-30/e2880adb9f7b413a245e5606fd6a2c84/

กุ้ยหลิน "สวรรค์บนพิภพ"

กุ้ยหลิน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน ภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตามากมายชื่อกุ้ยหลินมาจากที่อดีตดินแดนนี้มีป่า (หลิน) ต้น “กุ้ยฮวย” เยอะ (ต้นกุ้ยฮวย ในภาษาจีน แปลเป็นไทยคือ ต้นขี้เหล็ก)คนจีนยกให้เป็นดัง “เมืองสวรรค์บนพิภพ”หรือ“ซื่อไหว้เถาหยวน” ด้วยความที่เป็นเมืองแห่งขุนเขา ทำให้เขาหลายๆลูกในเมืองนี้มีลักษณะพิเศษรูปร่างแปลกตา โดยเขาที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองก็คือ “เขางวงช้าง” "นครกุ้ยหลิน" บนพื้นที่ประมาณ 656 ตารางกิโลเมตร ประชากรกว่า 700,000 คน เป็นหนึ่งในหลายเมืองของมณฑลกวงสีหรือกวางสี ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้รับการกล่าวขานจากนักท่องเที่ยวว่าเป็น "สวรรค์บนดิน" แม้ "กุ้ยหลิน" จะใช้เวลาเพียง 7 ปี ทำให้ทุกคนได้รู้จักและชอบที่จะเข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติที่ถูกปรุงแต่งขึ้นให้เป็นสวรรค์บนดินของนักท่องเที่ยว ยังคาดกันว่าในอนาคตสวรรค์บนดินแห่งนี้จะยิ่งเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้น รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยด้วย ทางการท่องเที่ยวที่ดูสมบูรณ์แบบมากกว่าหลายเมืองในประเทศไทย และภาคเหนือตอนบนที่ว่านี้ อาทิ ทัศนียภาพของลุ่มน้ำลี่เจียง และแม่น้ำหลี่องหยางซั่ว หรือหยางโซ่ว ถ้ำ และภูเขา ตลอดจนการพัฒนาด้วยการวางผังเมืองก่อนลงมือสร้าง จึงทำให้ทุกระบบของเมืองถูกปรุงแต่งให้มีความสอดคล้องกันตามจินตนาการให้เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว เพียงแต่สวรรค์ที่ว่านี้ตั้งอยู่บนดิน ที่มนุษย์ทุกคนสามารถไปถึงได้และได้รับความสุขทั้งกาย ใจ และความรู้สึกเมื่อได้สัมผัส ทั้งเขาเขียว ถ้ำสวย น้ำใส และหินแปลก นครกุ้ยหลินจึงเป็นสวรรค์บนดินสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ


สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น
เขางวงช้าง (Elephant Trunk Hill)
เป็นสัญลักษณ์ของเมืองกุ้ยหลิน ตั้งอยู่ในตัวเมืองบริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำ 2 สาย ได้แก่ หลีเจียงและถาวฮวาเจียง ( หยางเจียง ) เขางวงช้างมีรูปร่างหากมองจากมุมที่เหมาะจะเห็นเหมือนช้างกำลังใช้งวงดูดน้ำจากแม่น้ำหลีเจียง มีถ้ำลอดระหว่างงวงและขาหน้าของงวงช้างเป็นรูปทรงกลม มองดูคล้ายพระจันทร์กำลังตกน้ำยามพลบค่ำ ถ้ำนี้จึงมีชื่อว่า “ สุ่ยเย่ ” หรือพระจันทร์บนผิวน้ำ เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นหน้าขึ้นตาของเมือง

ถ้ำขลุ่ยอ้อ (Reed Flute cave)
ถ้ำขลุ่ยอ้อ มีชื่อภาษาจีนกลางว่า “ หลูตี๋ ” ตั้งอยู่ชานเมืองกุ้ยหลิน อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 240 เมตร มีบันไดขึ้นไป 60 ขั้น ที่มาของชื่อถ้ำมาจากต้นอ้อที่ขึ้นอยู่ด้านหน้า ในอดีตใช้ทำขลุ่ย ทางเดินภายในค่อนข้างแคบ มีหินงอกหินย้อยงดงามตลอดทาง มีไฟสีสาดไปตรงส่วนที่มีรูปร่างคล้ายอะไรบางอย่าง เช่น สิงโต คน น้ำตก เจดีย์ ฯลฯ ส่วนที่สวยที่สุดคือวังแก้วแห่งราชามังกร เป็นหินงอกขึ้นมาจากบริเวณที่มีน้ำซับ ดูแล้วเหมือนทัศนียภาพของเมืองกุ้ยหลินแถบแม่น้ำหลีเจียง

สวนเจ็ดดาว (Seven Star Park)
ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองลั่วหยาง ประมาณ 7 ไมล์ มีความเป็นมาดังนี้เมื่อปี ที่ 64 ของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (25-220 ก่อนคริสตศักราช) ฮ่องเต้ หมิง ได้ส่งผู้แทนไปศึกษาพระพุทธศาสนาทางโลกตะวันตก จากนั้นสามปีต่อมา พระเกจิชื่อดังของอินเดียได้เดินทางกลับมาพร้อมกับผู้แทนโดยทั้งสองได้จูงม้าขาวที่แบกพระไตรปิฎก และพระพุทธรูป นี่เป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นในประเทศจีน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความสงบร่มรื่นในบริเวณวัด ที่นี่เป็นแหล่งที่รวบรวมสถาปัตยกรรมอันมีค่า อายุกว่า 1900 ปี ประกอบด้วย ห้องบัญชาการฮ่องเต้ ห้องประดิษฐานพระพุทธรูป ห้องสำหรับฟังธรรมเทศนาและระเบียงเรียบด้านหลังวัดที่เชื่อว่าเป็นจุดที่ม้าขาวได้แบกพระพุทธรูปและพระสูตรจากอินเดีย พร้อมๆ กับพระเกจิจากอินเดียทั้งสองรูปได้แปล พระสูตรเป็นภาษาจีนซึ่งทำให้ที่แห่งนี้เป็นแหล่งกำเนิดของพระพุทธศาสนาในประเทศจีน

แม่น้ำหลีเจียง ( Li River)
หลีเจียง มีต้นน้ำมาจากเขาลูกแมวหรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ มาวเอ๋อ ” ในเขตอำเภอซิงอ่านเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกวางสี ไหลลดเลี้ยวหลบหลีกขุนเขา ผ่านเมืองกุ้ยหลินถึงอำเภอหยางซั่วรวมความยาว 431 กิโลเมตร โดยมีชื่อใหม่ ช่วงต่อจากนั้นว่า กุ้ยเจียง ไหลเข้าสู่ชายแดนที่อำเภออู๋โจวเข้าสู่ทิศตะวันตก ของมณฑลกวางตุ้งที่เมืองเฟิงคาย มีชื่อใหม่ในกวางตุ้งว่า แม่น้ำตะวันตกหรือซีเจียง ไฮไลต์ของการมาเที่ยวที่กุ้ยหลินนี้อยู่ที่การล่องแม่น้ำหลีเจียง ที่มีความยาวกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อชมทิวทัศน์ที่สุดงดงามของภูเขาหิน ทั้งนี้โดยปกติแล้วการล่องแม่น้ำหลีเจียงเพื่อการท่องเที่ยวจะทำกันในระยะเวลา 60 กิโลเมตรโดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ด้วยเรือ 3 ชั้น ที่สองชั้นล่างจะทำเป็นโต๊ะอาหาร ขณะที่ดาดฟ้าจะเปิดโล่งให้นักท่องเที่ยวชมทิวทัศน์กันได้อย่างอิสระ ในราคาประมาณ 270 หยวน ( ราวพันกว่าบาท ) จุดหมายของการล่องเรือจะอยู่ที่เมือง หยางซั่ว (Yang-Shou)

หยางซั่ว ( Yangshuo)
ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองกุ้ยหลิน ห่างไปประมาณ 65 กิโลเมตร เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์สวยงาม จนมีคำกว่าวว่า “ หากกุ้ยหลินเป็นเมืองที่สวยที่สุดในจีน หยางซั่วก็เป็นที่ ที่สวยที่สุดในกุ้ยหลิน ” การเดินทางไปเมืองหยางซั่ว ทำได้ทั้งการล่องแม่น้ำหลีเจียง หรือโดยรถยนต์ หยางซั่ว เจริญเติบโตเพราะการท่องเที่ยว ทั้งหมู่บ้านแทบไม่มีสถานที่น่าสนใจ นอกจากร้านขายของ ร้านอาหาร และโรงแรม แต่รอบๆบริเวณเมืองหยางซั่ว มีสถานที่น่าเที่ยวชมหลายแห่ง นับว่าเป็นสวรรค์บนดิน ที่มีชื่อเสียง จนนักท่องเที่ยวมากุ้ยหลินแล้วต้องแวะ มาที่ หยางซั่ว ด้วย เนื่องจากการเดินทางโดย รถยนต์ที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที หรืออาจจะนั่งเรือชมทัศนียภาพของหลีเจียง แล้วมาพักแรมที่หยางซั่ว ที่นี่จะสงบเงียบ เหมือนชนบท แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวก อย่างพรั่งพร้อมแก่ นักท่องเที่ยว ในราคาถูก ซึ่งจะมีย่านซึ่งประกอบไปด้วย ที่พักราคาถูก มีวิดีโอหนังฮอลลีวู้ดฉาย พร้อมร้านอาหารคาเฟ่ สไตล์ตะวันตก มีขนมแพนเค็ก พร้อมกาแฟ เพียงแต่ลูกค้ามีแต่ชาวต่างชาติเท่านั้น

        โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวแบบเป้ใบเดียว หรือเรียกว่า backpacker ชอบนักแล ทั้งยังสามารถเช่าจักรยาน ขี่เที่ยวเล่นชมแหล่ง ท่องเที่ยว อื่นๆ ข้างเคียง กิจกรรมที่พลาดไม่ได้ประการหนึ่งคือ การนั่งเรือท่องแม่น้ำหลีเจียง เส้นทางเรือจากกุ้ยหลินถึงเมือง หย่างซั่ว เป็นระยะทางประมาณ 40 ไมล์ ( 60 กิโลเมตร ) ตลอดทางคดเคี้ยวของแม่น้ำหลี่ คือ ภูเขาน้อยใหญ่ที่มีรูปร่างแปลกตา กระตุ้นจินตนาการของผู้คนดังเห็นได้จากชื่อ เขางวงช้าง เขาตาเฒ่า เขาเจีดย์ และเขารู ภาพชาวประมง นกกาน้ำ และเพื่อนร่วมงานในแพไม้ไผ่แคบๆ

อิ่ม มนต์ รัก 1

Eat Pray Love อิ่ม มนต์ รัก 1/4 - ดูวิดีโอทั้งหมด กดที่นี่

ที่มา http://video.mthai.com/player.php?id=23M1296148698M0

อิ่ม มนต์ รัก 2

Eat Pray Love อิ่ม มนต์ รัก 2/4 - ดูวิดีโอทั้งหมด กดที่นี่

ที่มา http://video.mthai.com/player.php?id=23M1296232013M0

อิ่ม มนต์ รัก 3

Eat Pray Love อิ่ม มนต์ รัก 3/4 - ดูวิดีโอทั้งหมด กดที่นี่

ที่มา http://video.mthai.com/player.php?id=23M1296238105M0

อิ่ม มนต์ รัก 4

Eat Pray Love อิ่ม มนต์ รัก 4/4 - ดูวิดีโอทั้งหมด กดที่นี่

ที่มา http://video.mthai.com/player.php?id=23M1296318183M0

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไปไหนไปกัน

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่คู่รัก จะต้องแสดงออกถึงความรักระหว่างกันและกัน การแสดงออกในเรื่องความรัก หมายถึง การทำให้ฝ่าตรงข้ามรู้สึกประทับใจ รู้สึกดี รู้สึกผูกพัน รู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเกิดประโยชน์มากขึ้น วิธีแสดงออกถึงความรัก ที่เป็นที่นิยมอีกสิ่งหนึ่งก็คือ การได้ใช้เวลาไปท่องเที่ยวพักผ่อนด้วยกันในสถานที่สวย ๆ เพื่อเพิ่มความโรแมนติก และกระชับสายสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นไปอีก

ต่อไปนี้คือ 10 อันดับสถานที่ ที่ถูกจัดว่า มีความโรแมนติกมากที่สุดในโลก ซึ่งน่าจะหาโอกาสพาคนรัก ไปเยี่ยมชม สักครั้งหนึ่งในชีวิต


อันดับที่ 10. Colmar ประเทศฝรั่งเศส เมือง Colmar ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่ง ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ที่คู่รัก มักจะให้คำสัญญาในความรักระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมือง Colmar ก็คือ ไร่องุ่นจำนวนมาก เคียงคู่ไปกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยม และบรรยากาศ ที่สวยงาม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ช่วยทำให้เมือง Colmar เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติกในฝัน


อันดับที่ 9. Paris ประเทศฝรั่งเศส เมืองปารีส มีสมญานามว่า “สวรรค์แห่งความโรแมนติก” (Heaven of Romantic) ดังที่ สถานที่แห่งนี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่คุณและคนรัก จะสารภาพ “รักนิรันดร์” ระหว่างกันและกัน สิ่งที่น่าประทับใจในเมืองปารีส อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ Le Louvre (พิพิธภัณฑ์ ที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก) หอไอเฟล ,โรงแรม Disney Land Resort ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Centre Pompidou และสถานที่สวยงามอื่น ๆ อีกมากมาย การไปเที่ยวกับคนรักที่ปารีส หากจัดสรรเวลาให้ดีก็จะคุ้มค่ามาก และสถานที่แห่งนี้จะเก็บความโรแมนติกอยู่ในใจของคุณไปอีกนานแสนนาน



อันดับที่ 8. Venice ประเทศอิตาลี หากคุณกำลังมองหาสถานที่ ที่จะเอ่ยกับคนรักว่า เขาหรือเธอ เป็นคนที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต Venice ก็คือ คำตอบสุดท้ายสำหรับคุณ! เมือง Venice มีชื่อเสียงโด่งดังในด้าน สุดยอดสถาปัตยกรรม และยังมีหลายสถานที่โรแมนติก เช่น สะพานเก่าแก่ Ponte dei Sospiri, จตุรัส Piazza San Marco ที่ได้รับสมณานามว่า “ห้องจิตรกรรมของยุโรป” (The - drawing room of Europe) และคลองในตัวเมือง “Canale Grande” ทั้งหมดนี้จะสร้าง ความโรแมนติก ระดับหรูหรา ให้กับคนรักและตัวคุณ



อันดับที่ 7. Schloss Neuschwanstein ประเทศเยอรมันนี สถานที่ที่ผสมผสาน ความสวยงามตามธรรมชาติ เข้ากับจินตนาการ และความสร้างสรรค์ของมนุษย์ ได้อย่างลงตัว เมือง SchlossNeuschwanstein มีความสวยงาม ราวกับเป็นสวรรค์บนพื้นโลก รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงาม ปราสาทเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี (สร้างปี 1899) ซึ่งเยอรมัน ได้ถูกกล่าวขานว่า เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีปราสาทสวยงามที่สุดในยุโรป


อันดับที่ 6. Vienna ประเทศออสเตรีย เมือง Vienna ในประเทศออสเตรีย เป็นอีกสถานที่ที่มีคู่รักจากทั่วทุกมุมของโลก แวะเวียนมาเยี่ยมชมความสวยงาม สิ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ สุดยอดสถาปัตยกรรม และสุดยอดผลงานเพลง, ศิลปะ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก พระราชวัง Schoenbrunn, พระราชวัง Belvedere, พระราชวัง The Hofburg Imperial และพิพิธภัณฑ์นักจิตวิทยาผู้โด่งดัง Sigmund Freud


อันดับที่ 5. Monte Carlo ประเทศโมนาโค เมือง Monte Carlo ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่โรแมนติก ที่คุณจะได้สื่อความรัก ไปยังคนรักของคุณ เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ตีนของเทือกเขาแอลป์ และเป็น สถานที่ที่มีเรื่องราวของความรัก ก่อกำเนิดขึ้นมากมาย สิ่งที่น่าสนใจของเมือง Monte Carlo คือบ่อนคาสิโนเลื่องชื่อ (Monte Carlo Casino) พิพิธภัณธ์ทางทะเล, พิพิธภัณฑ์ประจำชาติ และพระราชวัง Prince


อันดับที่ 4. Prague สาธารณรัฐเช็ก อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสถานที่โรแมนติก ก็คือ เมือง Prague ของสาธารณรัฐเช็ก สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย วัฒนธรรม และปราสาทเก่าแก่ ผู้คนที่มีมิตรไมตรี และสุภาพอ่อนโยน เมือง Prague เป็นสถานที่เกิดของนักดนตรีระดับโลก อย่าง Mozart และมีชื่อเสียง ในเรื่องของทางเดินอันสวยงามในเมือง ที่คู่รักสามารถใช้เวลาเดินเล่นด้วยกัน


อันดับที่ 3. New York ประเทศสหรัฐอเมริกา เมือง New York เหมาะสำหรับคู่รัก ที่กำลังมองหาสถานที่ที่จะใช้ช่วงเวลาแห่งความรัก และความโรแมนติกในหลากหลายรูปแบบ ร้านอาหาร และร้านค้าจำนวนมาก และสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟ Grand Central Terminal, อนุสาวรีย์เทพีสันติภาพ และสวนหย่อมขนาดใหญ่ Central Park (มีกิจกรรมคอนเสิร์ต, มีลานสเก็ตน้ำแข็ง)


อันดับที่ 2. Cairo ประเทศอียิปต์ เมือง Cario ก็ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสวรรค์บนโลกเช่นเดียวกัน (โดยเฉพาะสำหรับคู่รัก) ความงดงามและมนต์เสน่ห์ที่อยู่ในตัวเมือง คือแรงดึงดูด ให้คู่รักเดินทางมาใช้เวลาท่องเที่ยวที่นี่ด้วยกัน และปิรามิด ก็คือสิ่งที่พิเศษที่สุด ท่ามกลางความสวยงามในตัวเมือง


อันดับที่ 1. Mauritius Island มหาสมุทรอินเดีย สถานที่แห่งนี้ ได้รับการกล่าวขานว่า “ปลายทางสุดท้าย ที่โรแมนติกมากที่สุด” (Ultimate Romantic Destination) เกาะ Mauritius มีชื่อเสียง อย่างมาก ในหมู่คู่รักที่จะมาท่องเที่ยว หรือคู่รักที่จะมาฮันนีมูน ต้นปาล์มมากมายที่เคลื่อนที่พริ้วไหว ไปตามสายลม บรรยากาศที่สวยงามตามธรรมชาติ แนวหินปะการัง และท้องทะเลสีฟ้า เป็นส่วนหนึ่งในอีกหลาย ๆ สิ่ง ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้สวยงามจนยากที่จะลืมเลือน